Private Key และ Seed Phrase ต่างกันอย่างไร?

ประเด็นสำคัญ: |
— Private Key และ Seed Phrase: สองแนวคิดที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดและเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยคริปโต — Private Key ที่ยังไม่เข้ารหัสจะมีความยาวถึง 256 หลัก ซึ่งทำให้ไม่สะดวกต่อการเก็บ รักษาความปลอดภัย และใช้ทำธุรกรรม — Seed Phrase ของคุณจะทำหน้าที่เหมือน Master Key สำหรับบัญชีทั้งหมดที่ได้รับการปกป้องโดยวอลเล็ตเดียวกัน — Seed Phrase จะบันทึกและจัดเก็บได้ง่ายกว่ารายการ Private Key ทำให้การกู้คืนการเข้าถึงวอลเล็ตของคุณเป็นเรื่องง่าย |
หากคุณไม่แน่ใจว่าแบบไหนเรียกว่าอะไร บทความนี้เหมาะกับคุณ เราจะไปดูรายละเอียดสำคัญ ๆ เกี่ยวกับ Private Key และ Seed Phrase รวมถึงดูว่าทั้งสองสิ่งนี้ต่างกันอย่างไร
หากคุณมีคริปโตวอลเล็ต คุณก็จะเจอกับคำว่า Private Key, Seed Phrase, วอลเล็ต และ Address สำหรับบล็อกเชนบ่อย ๆ และคุณอาจจะรู้ด้วยว่าคุณจะต้องเก็บทั้ง Private Key และ Seed Phrase ให้ปลอดภัย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าทั้งสองแตกต่างกันอย่างไร
ทั้ง Private Key และ Seed Phrase เป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ความปลอดภัยของคริปโตวอลเล็ต และการเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสองก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเหล่านี้
มาดูกันว่าเพราะอะไร
Private Key คืออะไร?
Private Key คือองค์ประกอบหลักของการเป็นเจ้าของคริปโต บล็อกเชนเป็นเครือข่ายสำหรับเก็บข้อมูลแบบดิจิทัล และการมี Private Key สำหรับ Address ของบล็อกเชนนั้นก็หมายความว่าคุณจะสามารถควบคุมทุกอย่างที่อยู่ใน Address นั้นได้ คริปโตวอลเล็ตของคุณจะสร้าง Private Key (พร้อมกับ Public Key) ทุกครั้งที่คุณสร้างบัญชีใหม่
วิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจคีย์คู่นี้ก็คือให้นึกว่า Public Key คือตู้ไปรษณีย์ที่ช่วยให้ผู้อื่นสามารถค้นหาคุณและส่งสิ่งต่าง ๆ มาหาคุณได้ ในทางตรงกันข้าม Private Key จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงสิ่งที่อยู่ภายในและส่งสินทรัพย์ เปรียบเสมือนคุณมีกุญแจสำหรับเปิดตู้ไปรษณีย์นั่นเอง โดยสรุปแล้ว Private Key คือสิ่งที่ทำให้คุณสามารถควบคุมบัญชีใดบัญชีหนึ่งรวมถึงสินทรัพย์ทั้งหมดภายในบัญชีนั้นได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การจัดการ Private Key ของคุณอย่างรับผิดชอบมีความสำคัญอย่างมาก
ปัญหาเกี่ยวกับ Private Key
Private Key อาจเป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมคริปโต แต่ด้วยเพราะความยาวและความซับซ้อนจึงทำให้มีความยุ่งยากในการใช้งานอยู่ไม่น้อย กล่าวคือ เมื่อยังไม่มีการเข้ารหัส Private Key คือชุดตัวเลขที่ประกอบด้วยเลข 1 และ 0 จำนวนถึง 256 หลัก ซึ่งเป็นรูปแบบที่คนเราสามารถบันทึกได้ยาก อย่าลืมว่า ความผิดพลาดบนบล็อกเชนนั้นไม่สามารถย้อนกลับได้ และ Private Key ที่ยาวมาก ๆ ก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดความผิดพลาดมากขึ้นไปอีก การบันทึก Private Key ผิดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมาก และหากเกิดขึ้นเมื่อใดล่ะก็ คุณจะสูญเสียการเข้าถึงคริปโตของคุณทันที
และปัญหานี้จะยิ่งใหญ่โตเมื่อคุณต้องจัดการบัญชีหลายบัญชี การบันทึก Private Key หลาย ๆ ชุดให้ถูกต้อง รวมถึงเก็บบันทึกไว้แบบออฟไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เห็น ผู้ที่จัดการบัญชีหลาย ๆ บัญชีจำเป็นจะต้องมีวอลเล็ตที่สามารถเก็บชุดอักขระหลาย ๆ ชุดได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด
Seed Phrase ตัวช่วยจำที่สามารถอ่านเข้าใจได้ง่ายคือทางออก
Seed Phrase หรือที่เรียกว่า Secret Recovery Phrase หรือ Mnemonic Phrase เป็นชุดวลีที่มีตั้งแต่ 12, 18 หรือ 24 คำที่ใช้สำหรับสำรองข้อมูลคริปโตวอลเล็ตของคุณ ซึ่งโดยหลักแล้วจะทำหน้าที่เป็น Master Key สำหรับ Private Key ทั้งหมดที่คุณมี เมื่อคุณป้อนคำเหล่านี้ลงในคริปโตวอลเล็ตอื่น (ตามลำดับที่ถูกต้อง) จะสามารถกู้คืน Private Key ทั้งหมดที่คุณเคยเก็บไว้ในคริปโตวอลเล็ตเดิมของคุณกลับมาได้ การมี Seed Phrase หมายความว่า แม้คุณจะสูญเสียการเข้าถึงคริปโตวอลเล็ต ก็ยังสามารถกู้คืนบัญชีของคุณได้อย่างง่ายดาย และยังช่วยให้คุณไม่ต้องจดบันทึก Private Key แยกแต่ละอันอีกด้วย HD Wallet ใช้ Derivation Path เดียวกัน ซึ่งนั่นหมายความว่า เมื่อใช้ Seed Phrase เดิม คุณจะสามารถกู้คืนชุด Private Key ชุดเดิมได้เสมอ และเข้าถึงบัญชีเดิมได้อีกครั้ง
Seed Phrase ของฉันทำงานอย่างไร?
Seed Phrase ของคุณอาจดูเหมือนเป็นชุดคำสุ่ม ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ควรต้องเป็นเช่นนั้น Seed Phrase ของคุณนั้นได้มาจากตัวเลขสุ่มยาว ๆ ที่เรียกว่า Entropy ตัวเลขนี้ต้องมีความสุ่มสูงมาก ไม่เช่นนั้น ผู้ไม่หวังดีอาจสามารถเดา Seed Phrase ของคุณและเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณได้ แม้ตัวเลขที่เป็นพื้นฐานจะเป็นแบบสุ่ม แต่ Seed Phrase ของคุณจะประกอบด้วยคำจากรายการคำภาษาอังกฤษที่เป็นไปได้จำนวน 2,048 คำเท่านั้นเสมอ สิ่งนี้เรียกว่า BIP-39 standard Word List ซึ่งเป็นมาตรฐานที่คริปโตวอลเล็ตแบบ Hierarchical Deterministic ส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้งานอยู่ คุณจึงสามารถกู้คืนคริปโตวอลเล็ตผ่านผู้ให้บริการวอลเล็ตรายใดก็ได้ที่รองรับมาตรฐานนี้
ส่วนที่คล้ายกันระหว่าง Private Key และ Seed Phrase
เก็บไว้แบบออฟไลน์ทั้งสอง
แย่หน่อยที่อุปกรณ์ Web2 ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ คือที่เก็บ Private Key และ Seed Phrase ที่มีความปลอดภัยน้อยที่สุด ไม่ว่าอะไรก็ตามที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้จะตกเป็นเป้าการโจมตี ทั้งผ่านการแฮ็กจากทางไกลและมัลแวร์ ซึ่งจะทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถดูข้อมูลที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือกระทั่งขโมย Private Key หรือ Seed Phrase ของคุณได้ เพราะฉะนั้น การเก็บข้อมูลไว้บนคอมพิวเตอร์จึงไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัย
Software Wallet (หรือที่เรียกกันว่า Hot Wallet) จะเก็บ Private Key และ Seed Phrase ไว้บนอุปกรณ์หลักโดยตรง นี่คือข้อเท็จจริงง่าย ๆ ที่ก่อให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยขนาดใหญ่ ดังนั้น Software Wallet จึงไม่ค่อยเหมาะสำหรับใช้ป้องกันสินทรัพย์ในระยะยาวมากนัก ส่วนทางออกที่ดีกว่าอย่างมากก็คือการเก็บ Private Key แบบออฟไลน์โดยจดใส่กระดาษไว้ หรือเก็บไว้ใน Hardware Wallet ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ของ Ledger จะเก็บ Private Key ไว้แบบออฟไลน์ โดยคุณสามารถลงชื่อธุรกรรมในสภาพแวดล้อมที่แยกออกจากอุปกรณ์ Web2 เช่น สมาร์ทโฟนหรือแล็ปท็อปของคุณ การเก็บข้อมูลแบบออฟไลน์เป็นวิธีเดียวที่ปลอดภัยสำหรับการเก็บคีย์เหล่านี้ให้ปลอดภัยจากเหล่าแฮกเกอร์

และด้วยเหตุผลเดียวกัน คุณไม่ควรอัปโหลดข้อความหรือรูปภาพ Seed Phrase สำหรับคริปโตวอลเล็ตของคุณในบริการจัดเก็บไฟล์แบบออนไลน์ใด ๆ การอัปโหลด Seed Phrase ของคุณบนคลาวด์อาจเป็นสิ่งเดียวที่แฮกเกอร์ต้องการเพื่อเข้าถึงบัญชีของคุณ
ไม่แน่ใจว่าจะต้องเก็บ Seed Phrase อย่างไรจึงจะปลอดภัย? สำรวจดูโซลูชันต่าง ๆ ทั้งอุปกรณ์เก็บ Seed Phrase แบบโลหะ การสำรองข้อมูลดิจิทัลแบบเข้ารหัส และการสำรองข้อมูลใน Hardware Wallet ได้ในหน้าเปรียบเทียบวิธีเก็บ Seed Phrase อย่างละเอียดของเรา
Private Key และ Seed Phrase ต่างกันอย่างไร?
Seed Phrase ของคุณจะควบคุมบัญชีหลายบัญชี ขณะที่ Private Key แต่ละชุดจะคุมบัญชีเพียงบัญชีเดียว
บัญชีคริปโตแต่ละบัญชีในวอลเล็ตของคุณจะถูกควบคุมโดย Private Key ที่แยกกัน Private Key นี้คือสิ่งที่ใช้ในการลงชื่อธุรกรรม เพื่อยืนยันว่าคุณยอมรับเงื่อนไขของแต่ละรายการ ธุรกรรมแต่ละรายการที่คุณลงชื่อจะดำเนินการผ่านบัญชีโดยใช้ Private Key ที่ตรงกับบัญชีนั้นในการลงชื่อ ซึ่งหมายความว่าหากคุณอนุมัติสัญญาอัจฉริยะใด ๆ ระบบก็จะสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้เพียงในบัญชีนั้นเท่านั้น ในทำนองเดียวกัน หากผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึง Private Key ได้ ก็จะสามารถเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ได้เฉพาะในบัญชีนั้นเท่านั้น
Seed Phrase นั้นต่างจาก Private Key ตรงที่คุณไม่สามารถใช้ลงชื่อธุรกรรมได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มี Seed Phrase จะสามารถเข้าถึง Private Key ทั้งหมดของคุณในคริปโตวอลเล็ตได้ทันที (และจะทำให้สามารถเข้าถึงบัญชีทุกบัญชีของคุณได้ด้วย) และเมื่อใดที่ Seed Phrase ตกไปอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี ความเสี่ยงต่อคริปโตของคุณก็จะสูงกว่าการที่มีใครล่วงรู้ Private Key ของคุณอย่างมาก เช่นนั้น การเรียนรู้วิธีเก็บ Seed Phrase ของคุณอย่างปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
จัดการคริปโตของคุณอย่างมั่นใจ
บล็อกเชนเป็นเครือข่ายสาธารณะขนาดใหญ่สำหรับจัดเก็บข้อมูลดิจิทัล ซึ่งได้ปฏิวัติระบบการเงินของเรา และอีกหลายสิ่ง ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือบุคคลที่สาม Private Key ของคุณคือสิ่งที่เชื่อมโยงคุณกับ Address บนบล็อกเชนใดบล็อกเชนหนึ่งโดยเฉพาะ ส่วน Seed Phrase เปรียบเสมือนลายนิ้วมือของสินทรัพย์ทั้งหมดบนบล็อกเชน ที่สามารถใช้สำรองข้อมูลได้หากคุณทำคริปโตวอลเล็ตสูญหาย
การเข้าใจโลกของบล็อกเชนอย่างเชี่ยวชาญอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีทั้งคำศัพท์และความเสี่ยงรูปแบบใหม่ ๆ ที่ต้องคอยระมัดระวัง แต่หากคุณเรียนรู้แนวทางที่ถูกต้องและทำความเข้าใจกับเครื่องมือต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง คุณก็จะสนุกไปกับอิสระของการได้เป็นธนาคารของตัวเองโดยไร้กังวล
หากพูดถึงคีย์ ต้องออฟไลน์คีย์เท่านั้น
