USDT Wallet

Tether ครองตลาดคริปโตสาย Stablecoin ทั้งในด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดและการใช้งานมาโดยตลอด Tether Limited เริ่มต้นจากการออกภายใต้ชื่อ ‘Realcoin’ และใช้ Omni Layer Protocol บน บล็อกเชนของบิตคอยน์ในการแจกเหรียญ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น Tethers (USDTs) ในเดือนพฤศจิกายน 2014

แม้จะถูกวิจารณ์มาโดยตลอด แต่ Tether ยังคงเป็นแหล่งสภาพคล่องสำคัญของตลาดคริปโต ด้วยราคาที่คงที่ท่ามกลางความผันผวน

เป้าหมายหลักของ Tether คือ การทำหน้าที่เป็นทางเลือกแทนเงินสกุลทั่วไป (Fiat) ในตลาดคริปโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Exchange ที่ความระแวงของธนาคารได้นำไปสู่ปัญหาที่แพร่หลายในหลาย Exchange ที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ทางธนาคารที่มั่นคง เพื่อเข้าถึงสภาพคล่องของเงินสกุลต่าง ๆ

สเตเบิลคอยน์ที่รองรับด้วยเงินสกุลต่าง ๆ บนโลก (Fiat) เช่น Tether ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมกับการเกิดใหม่ของเหรียญประเภท Stablecoin เป็นจำนวนมาก โครงสร้างแบบรวมศูนย์ของ Tether ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความผันผวนของสินทรัพย์คริปโต เนื่องจากหลักประกันที่ถือไว้ในรูปแบบเงินสกุลต่าง ๆ จะยังคงรักษามูลค่าของมันไว้ได้หากตลาดคริปโตล่มสลาย

แนวโน้มความโปร่งใสในตลาดสเตเบิลคอยน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย Tether รายงานสินทรัพย์สำรองทุกวันเพื่อยืนยันความมั่นคงของเหรียญ

การอนุมัติกระบวนการ KYC ยังจำเป็นสำหรับการออกและแลก Tether ในสกุลเงิน USD หรือ EUR

จนถึงเดือนมีนาคม 2019 Tether ได้รับการค้ำประกันเต็ม 100% ด้วยเงินเงินสกุลทั่วไป เช่น USD หรือ EUR อย่างไรก็ตาม ทนายของ Tether Limited อ้างว่า Tether มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดถึง 74 % ในขณะที่ส่วนที่เหลืออีก 26% ถือเป็นหลักทรัพย์ระยะสั้น

แม้จะมีการเปิดเผยข้อมูลและข้อครหาหลายครั้งเกี่ยวกับทุนสำรอง Tether ก็ยังคงรักษาราคา 1 ดอลลาร์ไว้ได้เกือบตลอดช่วงเวลาที่ดำเนินการ

ในภาพรวม Tether คือสิ่งที่เรียกว่า ‘สเตเบิลคอยน์ที่มีหลักประกันด้วยเงินสกุลต่าง ๆ บนโลก (Fiat)’ ซึ่งสถาบันกลาง (อย่าง Tether Limited) จะปรับอุปทานโดยออกและลดเหรียญตามสภาพตลาด ตัวอย่างเช่น หาก Alice ถือ 100 USDT และต้องการแลกเป็น 100 USD ทาง Tether ก็จะทำลายสเตเบิลคอยน์ USDT ที่เกี่ยวข้องและออก 100 USD ให้กับ Alice

โมเดลนี้เข้าใจง่ายมาก และบริษัทที่อยู่เบื้องหลังสเตเบิลคอยน์สร้างรายได้จากดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินฝากของผู้ใช้ในบัญชีสำรองของธนาคารที่สนับสนุนอุปทาน

Tether เชื่อมโยงตลาดคริปโตกับเงินตราแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง USD แต่ยังรวมถึงสกุลเงินอื่น ๆ เช่น ยูโร เนื่องจากผู้ถือครองสามารถแปลง USDT ของตนเป็น USD ได้ในอัตราส่วน 1:1 Tether จึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนที่จำเป็นมากสำหรับสภาพคล่องของเงินสกุลต่าง ๆ ที่มักหายไปในตลาดคริปโต

Tether สามารถใช้ได้บนแพลตฟอร์มคริปโตที่ได้รับความนิยม และมีสภาพคล่องมากที่สุดเกือบทั้งหมดของโลก ที่น่าสนใจคือ การเก็งกำไรของมืออาชีพมีบทบาทสำคัญในการเติบโตของ Tether อย่างมาก ในขณะที่ยังมีความเสถียรภาพ ซึ่งเป็นปัญหาของสเตเบิลคอยน์รูปแบบอื่น ๆ

เมื่อต้องเลือกระหว่าง TRC20 USDT Wallet และ ERC20 USDT Wallet มีปัจจัยบางอย่างที่ควรพิจารณา TRC20 และ ERC20 เป็นมาตรฐานทางเทคนิคที่แตกต่างกันสำหรับโทเคนบนเครือข่ายบล็อกเชนที่ต่างกัน ต่อไปนี้ คือ ปัจจัยบางประการที่จะช่วยคุณในการตัดสินใจ:

1. เครือข่ายบล็อกเชน: TRC20 USDT ใช้เครือข่ายบล็อกเชน TRON ในขณะที่ ERC20 USDT ใช้เครือข่ายอีเธอเรียม พิจารณาว่าเครือข่ายบล็อกเชนใดที่คุณต้องการหรือคุ้นเคยมากกว่า แต่ละเครือข่ายมีฟีเจอร์ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และระบบนิเวศของตนเอง
2. ความเข้ากันได้: หากคุณวางแผนที่จะโต้ตอบกับแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (DApps) หรือ Decentralized Exchange (DEXs) คุณต้องแน่ใจว่าวอลเล็ตที่คุณเลือกสามารถเข้ากันได้กับเครือข่ายที่พวกเขาดำเนินการอยู่ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการใช้ DApps หรือ DEXs ที่สร้างบนอีเธอเรียม คุณจะต้องมี ERC20 USDT Wallet
3. ความพร้อมใช้งาน: ตรวจสอบว่าวอลเล็ตที่คุณต้องการใช้รองรับทั้งโทเคน TRC20 และ ERC20 หรือเพียงหนึ่งในนั้น Ledger Crypto Wallet รองรับทั้งโทเคน TRC20 และ ERC20

ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกใช้ TRC20 USDT Wallet หรือ ERC20 USDT Wallet ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะ ความชอบ และระบบนิเวศบล็อกเชนที่คุณต้องการมีส่วนร่วมด้วย

รูปแบบที่อยู่ USDT (Tether) Wallet ขึ้นอยู่กับเครือข่ายบล็อกเชนที่เลือกใช้ Tether พร้อมใช้งานบนบล็อกเชนหลายเครือข่าย รวมถึง Ethereum, Tron และอื่น ๆ บล็อกเชนแต่ละเครือข่ายมีรูปแบบ Address ของตัวเอง

นี่คือรูปแบบ Address ของบล็อกเชนที่ใช้กันทั่วไปสำหรับ USDT:

1. อีเธอเรียม (ERC-20): USDT บนอีเธอเรียมใช้รูปแบบ Address มาตรฐานของอีเธอเรียมซึ่งเป็นสตริงเลขฐานสิบหก 40 ตัวอักษรที่เริ่มต้นด้วย “0x”.
2. Tron (TRC-20): USDT บนเครือข่าย Tron ใช้รูปแบบ USDT Address ซึ่งเริ่มต้นด้วยตัวอักษร “T” ตามด้วยชุดอักขระที่เป็นตัวอักษรและตัวเลข

โปรดทราบว่านี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วน และอาจมีเครือข่ายบล็อกเชนเพิ่มเติมที่สามารถใช้งาน USDT ได้ โดยแต่ละเครือข่ายมีรูปแบบที่อยู่ของตัวเอง

แอปพลิเคชัน USDT Wallet สำหรับมือถือและเดสก์ท็อปเป็นซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเก็บ ส่ง รับ และจัดการ USDT (Tether) โดยทั่วไปจะสร้าง Address เฉพาะสำหรับผู้ใช้แต่ละราย ซึ่งสามารถใช้เพื่อรับ USDT จากผู้ใช้รายอื่นหรือจากการแลกเปลี่ยนคริปโต แอปนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่ง USDT ไปยัง Address อื่น ๆ ได้โดยการป้อนที่อยู่วอลเล็ตของผู้รับ

แอป Ledger Live เป็ USDT Wallet ที่ใช้งานง่ายสำหรับแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงเดสก์ท็อป (Windows, macOS, Linux) และมือถือ (iOS, แอนดรอยด์)

เมื่อคุณซื้อคริปโตครั้งแรก คุณจะได้รับสองคีย์ คือ แบบสาธารณะและแบบส่วนตัว

• Public Key ทำหน้าที่เป็น Address ที่สามารถแบ่งปันกับผู้อื่นเพื่อทำธุรกรรม
• Private Key แสดงถึงตัวเลขที่สร้างแบบสุ่มซึ่งใช้ในการลงนามธุรกรรมและปกป้องสินทรัพย์ของคุณจากการโจมตีที่เป็นอันตราย หากคีย์นี้ถูกบุกรุก หรือสูญหาย คุณจะไม่สามารถเข้าถึง Cold Wallet เพื่อใช้ จ่าย ถอน หรือโอนเหรียญของคุณได้

เพื่อปกป้องและติดตามคีย์ของคุณ คุณสามารถใช้วอลเล็ตแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ได้ Online Wallet หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Hot Wallet จะเก็บ Private Key ไว้ในระบบหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต Hot Wallet นั้นง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน อย่างไรก็ตาม วอลเล็ตชนิดนี้ก็มีข้อเสียอยู่หลายประการ นอกจากจะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีและการที่แฮกเกอร์จะเข้าถึงได้แล้ว การดูแล Private Key ของ Hot Wallet แขกได้รับความไว้วางใจอาจดำเนินการโดยบุคคลที่สาม เช่น Crypto Exchanges ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่สามารถควบคุมเงินทุนของคุณได้อย่างสมบูรณ์ ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าคือ ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตที่จัดเก็บ Private Key แบบออฟไลน์ การขโมย Private Key จาก Hardware Wallet จำเป็นต้องมีการเข้าถึงวอลเล็ตพร้อม PIN และวลีกู้คืนที่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยฮาร์ดแวร์วอลเล็ต คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้รับฝากทรัพย์สิน (Custodian) ของบุคคลที่สาม

Ledger Nano คือ ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตชั้นนำของอุตสาหกรรม Ledger Nano Wallet ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 5 ล้านราย พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้นเพื่อปกป้องสินทรัพย์ของคุณ:

• Private Key ของคุณจะถูกจัดเก็บไว้ในชิป Secure Element
• จำเป็นต้องใช้ทั้งรหัส PIN และวลีกู้คืน 24 คำเพื่อเข้าถึงวอลเล็ต
• Ledger Nano Wallet ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ทนทานสูงเพื่อป้องกันความเสียหายทางกายภาพ

ด้วยการแยก Private Key ออกจากคอมพิวเตอร์และมือถืออย่างสมบูรณ์ Ledger Nano Cold Wallet จะช่วยรักษาความปลอดภัยและให้คุณควบคุมเหรียญได้อย่างเต็มที่